วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
เหยื่อติด ปลาไม่แ_ก สติแตก รองเท้าขาด
...ตีเท็กซัสนี่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตีเหยื่อ ตีเหยื่อ แล้วก็ตีเหยื่ออย่างไม่วอกแวก ตอนแรกๆ ก็ตีได้ดี ได้จังหวะ มีปลามาชาร์ตแต่ไม่ติด แต่พอเห็นมันขึ้นมาลอยหน้าลอยตากันเป็นระยะๆ แต่ตีเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมกินก็เลยเสียสมาธิไป ตี4-5ทีก็เปลี่ยนเหยื่อ เปลี่ยนอยู่นั่นแหละหวังว่าจะพยายามเร่งให้มันมากินเร็วๆ ก็กลายเป็นเร่งตัวเอง แถมใช้ชุดสปินนิ่งหมุนซ้าย เมื่อยแขนขวาน่าดู...
...สรุปสกอร์...ศูนย์ ...
บทเรียนที่ได้วันนี้
- อย่าเอาเหยื่อไปมากไปเกินไป ทำให้วอกแวก
- อย่าไปสนใจปลาตัวที่มันลอยหน้าลอยตาให้เราเห็น ตัวที่กินเหยื่อเป็นพวกที่ซ่อนอยู่ และมีกว่าเยอะ
- เน้นตีเหยื่อเข้าไว้ เหยื่ออยู่ในน้ำนานเท่าไหร่ โอกาสก็มาเท่านั้น
- ตีเหยื่อปลอมใช้หมุนขวาดีกว่าไม่ว่าจะเป็นเบทหรือสปิน หมุนซ้ายต้องใช้มือขวาทั้งตีทั้งออกแอ็คชั่น เมื่อยมือน่าดู...
...มีความสุขกับการตกปลานะครับ...
วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ระบบหน่วง (Daiwa vs Shimano) ตอน 2
...ตอนนี้มาทำความเข้าใจแบ็คกราวด์ทางวิทยาศาสตร์ของระบบหน่วงกัน ระบบหน่วงที่จะพูดถึงในบทความนี้มีอยู่ 3 แบบคือ
1. ระบบหน่วงแกนสปูลหรือ Spool Tension
2. ระบบหน่วงแม่เหล็กหรือ Magnetic
3. ระบบเม็ดหน่วงหรือ Centrifugal
1. ระบบหน่วงแกนสปูล หรือ Spool Tension ระบบนี้เท่าที่เคยเห็นก็มีในรอกเบททุกตัว แล้วก็อยู่ข้างมือหมุนด้วย ในรูปที่ 1 เป็นตำแหน่งของระบบหน่วงแกนสปูลในรอก CT-700 ครับ ปุ่มนี้บ้านเราเรียกกันว่าปุ่มปรับหน่วงหรือ Spool tension knob หลักการก็ไม่มีอะไรมาก ปรับให้ปุ่มปรับหน่วงไปกดที่ปลายสปูลเพื่อให้เกิดแรงเสียดทาน ปรับแน่นมากก็เกิดแรงเสียดทานมาก ปรับหลวมหน่อยก็เกิดแรงเสียดทานน้อยหรือไม่มีเลย ตามสมการ
เห็นได้ว่าในสมการไม่มีตัวแปรที่เกี่ยวกับการหมุนของสปูลเลย ดังนั้นเราสามารถแสดงกราฟแรงหน่วงกับความเร็วในการหมุนของสปูลได้ดังรูปที่ 2
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ระบบหน่วง (Shimano vs Daiwa) ตอน 1
...ก่อนอื่น...มาทำความเข้าใจสักนิดก่อนนะครับว่าสายมันฟู่ได้อย่างไร...
...เวลาตีเหยื่อออกไปเหยื่อก็จะพุ่งเป็นแนวเฉียงทำมุมกับพื้น ซึ่งเราแตกความเร็วของเหยื่อที่พุ่งออกเป็น 2 แนวคือ
...1.ความเร็วในแนวขนาน (แกน x) ซึ่งเป็นความเร็วของเหยื่อที่ขนานกับพื้น โดยความเร็วแนวขนานสูงสุดอยู่ในจังหวะก่อนที่เราปล่อยนิ้วโป้งที่กดสปูลอยู่ และเมื่อเราปล่อยนิ้วโป้งให้เหยื่อพุ่งออกไป ความเร็วในแนวขนานจะลดลงไปเรื่อยๆ ตามแรงต้านอากาศ หรืออาจมีลมพัดตามมา (ไม่ขอพูดถึงการตีเหยื่อตามลมนะครับ เพราะไม่ค่อยฟู่หรอก)...
...2.ความเร็วในแนวดิ่ง (แกน y) เป็นความเร็วที่เหยื่อพุ่งขึ้นไปในอากาศ ความเร็วในแนวดิ่งมีการเปลี่ยนแปลงต่างจากความเร็วในแนวขนาด ความเร็วในแนวดิ่งมีความเร็วสูงสุดตอนที่ตีเหยื่อออกไปเหมือนความเร็วในแนวขนาน แต่ค่อยๆลดลงจนความเร็วในแนวดิ่งเป็นศูนย์ จากนั้นความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเหยื่อตกลงมา จนมีความเร็วสูงสุดอีกครั้งในระดับที่เท่ากับจุดที่ตีเหยื่อ และมากขึ้นไปอีกหากเหยื่อตกลงไปต่ำกว่าระดับที่ตีเหยื่อ...
...เมื่อนำความเร็วทั้งสองมาบวกกกัน เราสามารถแสดงเป็นกราฟความเร็วของเหยื่อ(โดยไม่สนทิศทางของเหยื่อว่าพุ่งขึ้นหรือดิ่งลง) เราจะได้กราฟรูปที่ 1...
...เส้นสีแดงคือ ความเร็วเหยื่อที่ดึงสายออกจากสปูลในสภาวะปกติ เส้นสีส้มคือ ความเร็วเหยื่อที่ดึงสายออกจากสปูลเวลาที่ตีเหยื่อต้านลม และเส้นสีน้ำเงินคือความเร็วของสปูล...
...ที่วินาทีที่ 0 คือวินาที่ที่เราปล่อยนิ้วจากสปูล ที่วินาทีนี้เหยื่อมีความเร็วสูงสุด แต่สปูลยังไม่หมุน เมื่อปล่อยนิ้วจะมีแรงดึงจากเหยื่อผ่านสายเบ็ดทำให้สปูลหมุนเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว...
...จนมาถึงจุด A การหมุนของสปูลเท่ากับความเร็วของเหยื่อจึงไม่มีแรงดึงที่จะมาทำให้สปูลหมุนเร็วขึ้นอีก มีเพียงแรงที่ดึงสายที่คลายออกการหมุนเท่านั้น ตั้งแต่จุด A ถึงจุด B ความเร็วของเหยื่อจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อเหยื่อพุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแรงความเร็วในแนวดิ่งเท่ากับศูนย์คงเหลือเฉพาะความเร็วในแนวระนาบเป็นจุดที่เหยื่อมีความเร็วต่ำที่สุดซึ่งก็คือจุด B ส่วนสปูลนั้นถูกดีไซน์ให้สมดุลย์มีแรงเสียดทานต่ำ สปูลจึงยังคงหมุนที่ความเร็วค่อนข้างคงที่ตามแรงเฉื่อยของตัวสปูลเอง...
...เมื่อเหยื่อพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้วก็จะตกลงมา ทำให้เกิดความเร็วในแนวดิ่งอีกครั้ง ตั้งแต่จุด B ไปถึงจุด C ความเร็วของเหยื่อจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเท่ากับความเร็วในการหมุนของสปูลที่จุด C และตั้งแต่จุด C ไปถึงจุด D คือจุดมีแรงดึงจากเหยื่อไปเร่งการหมุนของสปูลอีกครั้งหนึ่งจนกระทั่งเหยื่อกระทบเป้าหมายและเราใช้นิ้วกดหยุดการหมุนของสปูลที่จุด D...
...จากกราฟ ช่วงขณะที่มีโอกาสเกิดสายฟู่ได้นั้นคือช่วงเวลาที่ความเร็วของเหยื่อช้ากว่าความเร็วของสปูลตั้งแต่จุด A ไปถึงจุด C นั่นเอง โดยจุดที่มีโอกาสเกิดสายฟู่มากที่สุดคือจุด B หรือช่วงเวลาที่เหยื่อพุ่งขึ้นไปสู่ต่ำแหน่งสูงสุด ผมเองก็เคยสังเกตุเหมือนกันว่าถ้าตีเหยื่อแบบไม่ใช่ระบบหน่วงเลย จะมีอยู่ช่วงจังหวะนึงที่สายบานฟูออกมาจากสปูล ต้องคอยเอานิ้วลูบไว้ แล้วสายที่บานฟูออกก็จะถูกดึงออกไปในที่สุด...
...อธิบายกันมาพักใหญ่แล้ว หวังว่าคงพอเข้าใจกับแล้วนะครับว่าสายฟู่เกิดขึ้นได้อย่างไร ติดตามต่อไปตอนที่ 2 นะครับ...
...มีความสุขกับการตกปลาทุกคนนะครับ...^_^
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
วันเบาๆ กับบทเรียนสปินเนอร์เบท
...วันนี้ใช้เวลาที่พอมีออกทริปเล็กๆ ไปเรียนรู้การใช้สปินเนอร์เบท ผลที่ได้คือเปคูไซส์กิโลกับสปินเนอร์เบทที่ใบหายไปตามรูป พอดีว่าเจ้าเปคูตัวนี้ขึ้อายดิ้นตกน้ำไปก่อน เลยไม่ได้รูปมาโชว์ตัวกัน...
...เทคนิคที่ใช้คือตีสปินเนอร์เบทเรียดหน้าดิน ถ้าสะดุดอะไรก็ให้กระตุกปลายคันเบ็ดประมาณว่าพอสปินเนอร์เบทสะดุดเราก็กระตุดให้สปินเนอร์เบทเกิดอาการเสียหลักแบบโผไปข้างหน้า เป็นการกระตุ้นให้ปลาเกิดอาการ "รีเฟล็กสไตรค์(reflex strike)" ซึ่งเป็นการตอบสนองเฉพาะของปลาล่าเหยื่อและพวกกึ่งๆ ล่าเหยื่อ เช่น ปลานิล หรือ เปคู ด้วย บ่อที่ไปตกเป็นย่อเลี้ยงไม่ค่อยมีอุปสรรคใต้น้ำมากนัก ที่ด้วยการขุดสระเป็นขั้นๆ ทำให้สปินเนอร์เบทสะดุดและเกิดแอ๊คชั่นได้ตามต้องการเหมือนกันจนได้เจ้าเปคูมา 1 ตัว...
...ทำความเข้าใจเกี่ยวกับรีเฟล็กสไตรค์ กันสักนิดนึง สำหรับมืออาชีพด้านเหยื่อปลอมในต่างประเทศนั้นเขาประมาณกันว่า 1 ใน 3 ของปลาที่ตกได้นั้นได้มาจากรีเฟล็กสไตรค์ กล่าวคือเมื่อสิ่งเคลื่อนไหวผ่านเข้ามาในระยะและมีการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวโดยฉับพลันปลาจะโจมตีเหยื่อตามสัญชาติญาณของนักล่าไม่ว่าจะหิวหรือไม่ก็ตาม...
...สำหรับสปินเนอร์เบทอาจดูเป็นเหยื่อที่หน้าตาประหลาด แต่ถ้าพิจารณากันดีๆ แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับสปินเนอร์ที่เราใช้ตีปลาช่อนกันมานานแสนนานแล้ว เพียงแต่ย้ายตัวเบ็ดออกจากตำแหน่งท้ายไปสปินเนอร์ไปห้อยอยู่ด้านล่าง เวลาลากเหยื่อในน้ำใบสปินก็จะหมุนใกล้ตัวเบ็ดนั้นแหละ และใบสปินที่มีทั้งแรงสั่นสะเทือนจากการหมุนและแสงสะท้อนวับวาวเกิดเป็นภาพลวงให้เข้าใจว่าเป็นปลาเหยื่อที่ว่ายผ่านมาและหลงเข้าชาร์ตใบสปินและไปโดยตัวเบ็ดที่อยู่ในตำแหน่งใกล้ๆกัน ดูสปินเนอร์เบทในรูปได้นะครับว่าใบสปินท้ายหายไป ไม่แน่ใจว่าปลาชาร์ตจนหลุดในบ่อหรือว่าลงไปในท้องเจ้าเปคูแล้ว เห็นสปลิทริงง้างเลย ข้อดีที่ทำให้สปินเนอร์เบทพิเศษว่าสปินเนอร์ก็คือมีก้านลวดอยู่ในแนวเดียวกับตัวเบ็ด ทำหน้าที่เสมือนเป็นการ์ดป้องกันตัวเบ็ดไปเกี่ยวกับสิ่งไม่พึงประสงค์ใต้น้ำ ทำให้สามารถตีเหยื่อได้ในหลายๆสภาพ นอกจากนี้เรายังสามารถลากเหยื่อไปกระทบสิ่งต่างๆ ที่อยู่ใต้น้ำเพื่อให้เหยื่อเกิดอาการสะดุดและกระตุ้นให้เกิดรีเฟล็กซ์สไตรค์ สำหรับตัวเบ็ดของสปินเนอร์เบทนั้นนิยมประกอบกับพู่ยางเพราะเวลาที่เหยื่อไปสะดุดสิ่งต่างๆที่อยู่ใต้น้ำ พู่ยางที่ลู่มาตามน้ำจะแผ่ออกเป็นการเคลื่อนไหวที่เรียกความสนใจของปลาได้ดี แต่ก็สามารถประกอบกับปลายางหรือหนอนยางก็ได้เช่นกัน ปลาชอบอันไหนก็เอาอันนั้นแหละ ว่ากันจริงๆแล้ว มีเฉพาะใบสปินกับตัวเบ็ดปลาก็หลงเข้ามาฮุบได้เหมือนกันแหละครับ ใครไปลองแล้วไปผลยังไงบอกกันบ้างนะครับ...
...ขอให้มีความสุขกับการตกปลานะครับ...^_^
just love fishing
และหวังแบ่งปันเรื่องราวให้กับน้าๆ ที่มีความชื่นชอบเหมือนกัน...
ขอให้มีความสุขกับการตกปลานะครับ... ^_^